บ้านบ่อเจ็ดลูก.....
เดิมเรียกว่า ลางาตูโยะ เดิมราษฎรเข้าไปอาศัยบริเวณทุ่งเลี้ยงสัตว์ เพื่อเลี้ยงวัวควาย หลังจากนั้นมีชาวเลจากเกาะบุโหลนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ปัญหาไม่มีน้ำจืดใช้จึงช่วยกันขุดบ่อหาแหล่งน้ำจืดมาใช้จึงเป็นเรื่อง ประหลาดเมื่อพบว่า บ่อที่มีน้ำจืดสนิทที่สุด เป็นบ่อที่อยู่ใกล้ทะเลมากที่สุด ส่วนอีกหกบ่ออยู่ห่างออกไปกลับเป็นน้ำกร่อยและมีน้ำน้อยที่สุด จึงมีการสันนิษฐานว่าผู้ขุดบ่อน้ำไว้จนบัดนี้อายุของบ่อไม่น้อยกว่า 80-90 ปี ทุกวันนี้ชาวบ้านบ่อเจ็ดลูกได้บูรณะบ่อทั้งเจ็ดโดยการขุดบ่อ ใส่ท่อซีเมนต์กลมโดยใช้อิฐดินเผาตกแต่งบริเวณขอบบ่อให้สวยงาม
พื้นที่ของบ้านบ่อเจ็ดลูก มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มมีภูเขาอยู่ด้านในพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งชายหาดฝั่งทะเลอันดามัน สภาพดินมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ริมชายหาด ดินที่ราบเชิงเขามีคลองที่สำคัญ คือ คลองบ้านบ่อเจ็ดลูกทาง ทิศตะวันตกจะมีเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเขาที่สวยงามมากตั้งอยู่บนเกาะบริเวณ ปากน้ำ บ้านปากบารา ซึ่งเป็นสถานที่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของตำบลปากน้ำด้วย
เดิมเรียกว่า ลางาตูโยะ เดิมราษฎรเข้าไปอาศัยบริเวณทุ่งเลี้ยงสัตว์ เพื่อเลี้ยงวัวควาย หลังจากนั้นมีชาวเลจากเกาะบุโหลนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ปัญหาไม่มีน้ำจืดใช้จึงช่วยกันขุดบ่อหาแหล่งน้ำจืดมาใช้จึงเป็นเรื่อง ประหลาดเมื่อพบว่า บ่อที่มีน้ำจืดสนิทที่สุด เป็นบ่อที่อยู่ใกล้ทะเลมากที่สุด ส่วนอีกหกบ่ออยู่ห่างออกไปกลับเป็นน้ำกร่อยและมีน้ำน้อยที่สุด จึงมีการสันนิษฐานว่าผู้ขุดบ่อน้ำไว้จนบัดนี้อายุของบ่อไม่น้อยกว่า 80-90 ปี ทุกวันนี้ชาวบ้านบ่อเจ็ดลูกได้บูรณะบ่อทั้งเจ็ดโดยการขุดบ่อ ใส่ท่อซีเมนต์กลมโดยใช้อิฐดินเผาตกแต่งบริเวณขอบบ่อให้สวยงาม
พื้นที่ของบ้านบ่อเจ็ดลูก มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มมีภูเขาอยู่ด้านในพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งชายหาดฝั่งทะเลอันดามัน สภาพดินมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ริมชายหาด ดินที่ราบเชิงเขามีคลองที่สำคัญ คือ คลองบ้านบ่อเจ็ดลูกทาง ทิศตะวันตกจะมีเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเขาที่สวยงามมากตั้งอยู่บนเกาะบริเวณ ปากน้ำ บ้านปากบารา ซึ่งเป็นสถานที่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของตำบลปากน้ำด้วย
กำเนิดการท่องเที่ยวโดยชุมชน
ช่วงที่โลกตื่นตัวเรื่องการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและหาทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยว ช่วงปี 2535 ? 2540 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) เข้ามาเป็นกระแสใหม่และกระแสใหญ่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยการผลักดันของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในขณะที่การท่องเที่ยวโดยชุมชน(Community Based Tourism ? CBT) เริ่มก่อตัวขึ้นเติบโตคู่ขนานไปกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยการทำงานในระดับพื้นที่ของโครงการท่องเที่ยวเพื่อชีวิตและธรรมชาติ (REST) ซึ่งในช่วงดังกล่าว ชื่อที่เรียกขานการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ มีหลากหลายชื่อ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวสีเขียว
หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540ปี รัฐบาลไทยใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประกาศให้ปี 2541-2542 เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย (Amazing Thailand) ในปี 2544 มีโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product ?OTOP) หลังปี 2545 การท่องเที่ยวลงไปในชนบทหลากหลายรูปแบบ ในปี 2547 มีการให้มาตรฐานโฮมสเตย์ หรือเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า ?ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท?
หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540ปี รัฐบาลไทยใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประกาศให้ปี 2541-2542 เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย (Amazing Thailand) ในปี 2544 มีโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product ?OTOP) หลังปี 2545 การท่องเที่ยวลงไปในชนบทหลากหลายรูปแบบ ในปี 2547 มีการให้มาตรฐานโฮมสเตย์ หรือเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า ?ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท?
ณ ปัจจุบัน หากให้ชุมชนนิยามตนเองว่าเรียกชื่อการดำเนินการท่องเที่ยวของตนว่าชื่ออะไร จะพบว่ามีชื่อเรียก 4 ชื่อด้วยกันในกลุ่มชุมชนที่ทำการท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวโดยชุมชน และการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น